-

เงินทองต้องวางแผน

3 เคล็ดลับ บริหารเงิน “มนุษย์เงินเดือน” รับศักราชใหม่…มีอะไรบ้าง

  • จน หรือ รวย ขึ้นอยู่กับ “การบริหารรายจ่าย”

ในแต่ละเดือน “มนุษย์เงินเดือน” มีรายได้ที่แน่นอน รู้แน่ชัดว่าจะได้รับเงินเท่าไหร่ และวันไหน แต่สิ่งที่หลายคนละเลยก็คือ “รายจ่าย” ที่เกิดขึ้น ทั้ง …

  • รายจ่ายประจำ (ค่าน้ำ ค่าไฟ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าโทรศัพท์ อาหารการกิน ฯลฯ)
  • รายจ่ายผันแปร (ไปตามกิเลส) (เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ท่องเที่ยว ปาร์ตี้ ฯลฯ)

ดังนั้น ถ้าเราควบคุมรายจ่ายไม่ได้…ไม่มีทางรวยแน่นอน เพราะรายได้เท่าเดิม…รายจ่ายบวมขึ้น ก็กัดกินเงินที่ควรจะเก็บออมไปเรื่อยๆ เผลอๆ บางคนเงินไม่พอใช้…ไปก่อหนี้เพื่อสนองกิเลสตัวเองอีก อย่างนี้ยิ่งน่าเป็นห่วง


เคล็ดลับ : “มนุษย์เงินเดือน” ควรให้น้ำหนักกับการ “บริหารรายจ่าย” โดยนำรายได้สุทธิ (ย้ำว่า “สุทธิ” คือ รายได้ทั้งหมด (สมมติ = 30,000 บาท) ไปหักประกันสังคม, หักกบข. หรือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, หักหนี้สินที่ต้องจ่ายประจำ (ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ)) รับมาเท่าไหร่ (สมมติ = 28,000 บาท) ให้เก็บออม หรือ ลงทุนก่อน อย่างน้อยที่สุด 10% (2,800 บาท) แล้วค่อยนำเงินที่เหลือ (28,000-2,800 = 25,200 บาท) ไปบริหารรายจ่าย ด้วยการนำเงินก้อนไปหาร 4 แล้วแบ่งใช้เป็นรายสัปดาห์ (25,200 ÷ 4 = 6,300 บาท) จากนั้นกดเงินสด (6,300 บาท) มาใช้สัปดาห์ละครั้ง และใช้ให้พอกับเงินที่มีในกระเป๋า แค่นี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะใช้จ่ายเกินตัว…ได้ใช้เงินตามกำลัง และยังมีเก็บออม (ลงทุน) อีกด้วย
 

  • ทำงาน “ความเสี่ยงต่ำ” ก็ควรลงทุน “ความเสี่ยงสูง”

ว่ากันว่า “มนุษย์เงินเดือน” น่ะมีความมั่นคง เมื่อเทียบกับคนที่ทำอาชีพอิสระ หรือ นักธุรกิจ เพราะมีรายได้ที่แน่นอน โอกาสไม่มีงานทำน้อย ความเสี่ยงที่จะถูกเลิกจ้างต่ำ แถมจะทำงานหรือไม่ทำ (ลาพักร้อน ลาป่วย ลากิจ) ก็ยังมีรายได้เหมือนเดิม เห็นมั้ยว่า “ความเสี่ยงต่ำ” จริงๆ
 

แหมๆๆ อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะการทำงานก็เหมือนกับการลงทุน “ความเสี่ยงต่ำ…โอกาสได้รับผลตอบแทนต่ำ” ดังนั้น กว่าจะมั่งคั่งก็คงต้องใช้เวลามากกว่าคนที่ทำอาชีพอิสระ หรือ นักธุรกิจ ถ้าอย่างนั้น “มนุษย์เงินเดือน” จะทำยังไงดีล่ะ?


เคล็ดลับ : ข้อได้เปรียบของ “มนุษย์เงินเดือน” ที่ “ทำงานความเสี่ยงต่ำ” ก็คือ ชีวิตของเรายืนอยู่บนความแน่นอนในระดับหนึ่ง ดังนั้นรูปแบบการลงทุนจึงสามารถสวนทางกับรูปแบบการทำงาน เพื่อสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นได้…หมายความว่า “ทำงานความเสี่ยงต่ำ” (มนุษย์เงินเดือน) แล้ว…ก็แบ่งให้เงินทำงานหนักแทนเราด้วยการ “ลงทุนความเสี่ยงสูง” สักนิด เช่น ลงทุนในกองทุนรวมหุ้น หรือหุ้นพื้นฐานดี เงินจะได้งอกเงย เพิ่มค่าทันกับเงินเฟ้อ หรือพอใช้ในยามเกษียณ (แต่ก็ลงทุนอย่างมีความรู้ และเข้าใจในสิ่งที่ลงทุนด้วย)

ไม่ใช่ทำงานความเสี่ยงต่ำ แล้วยังไปลงทุนความเสี่ยงต่ำ (เงินฝาก ตราสารหนี้) แบบนี้โอกาสที่เงินจะเติบโตเห็นทีจะใช้เวลานานแสนนานเลยทีเดียว…สภาพคล่องน่ะมีได้ แต่แค่พอใช้ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายก็พอแล้ว
 

  • วางแผนภาษีดี… มีเงินเหลือใช้

ภาษิตฝรั่งเขียนไว้ว่า 2 เรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตนี้คือ “ภาษี และ ความตาย” โดยเฉพาะภาษีที่เป็นหน้าที่ของเราทุกคน… รู้หรือไม่ว่าหากเรา “วางแผนภาษี” ดีๆ แต่ละปีจะมีเงินเหลือใช้มากทีเดียว เพราะเฟิร์นเองก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากการวางแผนภาษี จนทำให้สามารถนำเงินคืนภาษีแต่ละปี ไปเที่ยวต่างประเทศได้แบบสบายๆ


เคล็ดลับ : วางแผนภาษีตั้งแต่ “ต้นปี” เพราะ “มนุษย์เงินเดือน” อย่างเราประมาณการณ์รายได้ตลอดปีได้ไม่ยาก ก็แค่นำเงินเดือน (ที่ปรับใหม่ … ถ้าได้ปรับ!) คูณ 12 แล้วบวกเงินส่วนเพิ่มต่างๆ ทั้งโบนัส โอที เงินพิเศษ ฯลฯ เสร็จแล้วก็ไปคำนวนภาษี (ตามลิงค์นี้ http://www.set.or.th/project/caltools/TSIFinTools/tax.html) เพื่อพิจารณาดูว่าเราสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง มากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้ประหยัดภาษี และเริ่มต้นวางแผนภาษีให้เป็นอัตโนมัติตั้งแต่ต้นปี!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *